ต่างประเทศต้องการปลาสวยงามจากไทยจำนวนมาก

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดผลการศึกษาธุรกิจปลาสวยงามของไทย ปลากัด ปลาทอง และ ปลาหางนกยูง มีศักยภาพในการพัฒนาตลาด เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยตลาดสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น

วันนี้ ( 21 ส.ค.) นางนารีณัฐ  รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ธุรกิจปลาสวยงามนับเป็นธุรกิจหนึ่งที่เกิดจากฐานทรัพยากรที่มีความหลากหลาย ของประเทศไทยจึงมีความพร้อมทางด้านศักยภาพการเพาะเลี้ยง ความนิยมเลี้ยงปลาสวยงามในประเทศไทยปัจจุบันขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจการส่งออกของไทย การขยายตัวทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ  โดยตลาดที่สำคัญ  ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป  ฮ่องกง  สิงคโปร์  และญี่ปุ่น และจากการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่า กลุ่มปลาสวยงามอย่างปลากัด ปลาทอง และ ปลาหางนกยูง  มีการส่งออกอยู่ในอันดับต้นๆ ซึ่งปลาทั้ง 3 ชนิดเป็นปลาที่มีการเลี้ยงและพัฒนาโดยภูมิปัญญาของไทยมาอย่างต่อเนื่องยาว นาน
ด้านผลการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของปลากัดสวยงาม พบว่าผลผลิตรวมของปลากัดเฉลี่ย 108,360 ตัวต่อไร่ต่อปี  ต้นทุนทั้งหมดตัวละ 2.78 บาท  ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยตัวละ 3.16 บาท กำไรสุทธิตัวละ 0.38  บาท    ส่วนต้นทุนและผลตอบแทนของปลาทอง พบว่า  ผลผลิตรวมของปลาทองเฉลี่ย 62,689ตัวต่อไร่ต่อปี  ต้นทุนทั้งหมดตัวละ 2.92 บาท ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยตัวละ 18.15  บาท  กำไรสุทธิตัวละ 15.23 บาท ด้านต้นทุนและผลตอบแทนของปลาหางนกยูง  พบว่า  ผลผลิตรวมของปลาหางนกยูงเฉลี่ย 484,248  ตัวต่อไร่ต่อปี  ต้นทุนทั้งหมดตัวละ 0.59 บาท ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยตัวละ 1.45 บาท  กำไรสุทธิตัวละ 0.86 บาท
จากการศึกษาพบว่า ปลากัด  ปลาทอง และปลาหางนกยูง  ยังมีศักยภาพในการผลิต เนื่องจากปลาแต่ละชนิดมีจุดแข็ง คือปลากัดเป็นปลาที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยและเป็นที่รู้จักของตลาดโลก ผู้เพาะเลี้ยงมีความสามารถและมีความชำนาญในการเพาะเลี้ยงสูง สำหรับปลาทองไทยเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์ปลาทองพันธุ์สิงห์ดำตามิดซึ่งเป็น พันธุ์ที่ตลาดมีความต้องการ ทำให้ไทยมีโอกาสในการส่งออกได้มากขึ้น ส่วนปลาหางนกยูงเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายและขยายพันธุ์ได้รวดเร็วใช้พื้นที่ใน การเลี้ยงน้อย โดยในส่วนโอกาสการขยายตัวของความต้องการปลาสวยงามในตลาดโลกยังคงขยายตัว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งหน่วยงานภาครัฐปัจจุบันเริ่มให้ความสนใจในการ พัฒนาธุรกิจปลาสวยงามมากขึ้น.

 

 

http://www.dailynews.co.th/agriculture/150615