ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับปลา
ปลาอาศัยอยู่ในน้ำ หายใจได้ทางเหงือกซึ่งอยู่ในกระพุ้งแก้ม ปลาส่วนมากมีลำตัวยาวหัวแหลม ท้ายแหลม ทำให้ว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ปลามีครีบตามลำตัวหลายแห่งครีบเหล่านี้คลี่กาง หุบ และพับได้ ปลาใช้ครีบช่วยในการเคลื่อนไหวไปมาในน้ำ ปลาหลายชนิดมีเกล็ดปกคลุมทั่วทั้งลำตัว
ในน้ำมีปลาอยู่มากมาย ในทะเลมีปลาทะเลอยู่นับไม่ถ้วน มีชนิดและชื่อต่างๆกัน อาทิ เช่น ปลาทู ปลากะพง ปลาหางเหลือง ปลาจาระเม็ด ปลาอินทรี ส่วนในแม่น้ำลำคลอง หนอง บึง ก็มีปลาน้ำจืดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากัด เป็นต้น
ปลาต่างชนิดกัน มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันไป มีหลายชนิดเป็นอาหารของมนุษย์ แต่บางชนิดก็มีรูปร่างและสีงดงาม เหมาะสำหรับเลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น ปลากัด และปลาทอง เป็นต้น
ปลาเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง มีครีบ มีเกล็ดหรือไม่มีเกล็ด และหายใจทางเหงือก ปลาอาศัยอยู่ในน้ำ อุณหภูมิของปลาเปลี่ยนได้ตามอุณหภูมิของน้ำที่มันอาศัยอยู่ นักวิทยาศาสตร์จึงจัดปลาไว้ในกลุ่มสัตว์เลือดเย็น
ในบรรดาสัตว์มีกระดูกสันหลัง ปลามีจำนวนชนิดมากที่สุด คือ มีประมาณ 20,000 ชนิด สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอื่นๆที่มีจำนวนชนิดรองไปจากปลา ได้แก่ นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
ปลาต่างชนิดกันมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป ขนาดของปลาอาจเล็กใหญ่ผิดกันไปได้ตั้งแต่ 1.2 เซนติเมตร จนถึง 22 เมตร ปลาส่วนใหญ่ มีรูปร่างเพรียว หัวแหลมท้ายแหลมที่มีรูปร่างเป็นอย่างอื่นก็มีเป็นจำนวนมาก
ปลาส่วนใหญ่มีเกล็ดทั่วทั้งตัว ทั้งที่ไม่มีเกล็ดมักจะมีเมือกลื่นแทน เกล็ดทำหน้าที่ปกคลุมและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่เนื้อและหนังปลาซึ่งอ่อนนุ่ม เกล็ดส่วนมากเรียงเลื่อมซ้อนกันหันไปทางหางเหมือนกระเบื้องมุงหลังคา ถ้านำเกล็ดมาตรวจดูด้วยแว่นขยายรอยวงปีที่เกล็ดจะบอกให้ทราบถึงอายุของปลาได้
ปลามีครีบตามลำตัวหลายแห่ง โดยทั่วไปครีบจะช่วยการทรงตัวและว่ายน้ำ ปลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและถ้อยหลังได้ โดยโบกครีบหาง สลับกับการยืดและหดของกล้ามเนื้อลำตัว ครีบอก และครีบท้อง เทียบได้กับขาหน้าและขาหลังของสัตว์สี่เท้าบนบก ครีบทั้งสองนี้มีหน้าที่ช่วยครีบอื่นทรงตัว ครีบอกสำคัญกว่าครีบท้องตรงที่อาจช่วยให้ปลาหยุดอยู่กันที่ได้ ครีบอกที่แผ่กางออกจะต้านน้ำช่วยให้ปลาหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้เมื่อต้องการ ครีบหลังและครีบทวารช่วยให้ปลาทรงตัวและเคลื่อนที่ไปได้ตามแนวตรง ปลาเกือบทุกชนิดหายใจด้วยเหงือก เมื่อปลาว่ายน้ำมันจะอ้าปากอมน้ำเข้าไว้ในปาก น้ำซึ่งมีก๊าซออกซิเจนละลายปนอยู่ด้วยนี้ จะผ่านเข้าไปทางช่องเหงือกซึ่งตั้งอยู่ในกระพุ้งแก้มเหงือกจะรับเอาเข้าก๊าซออกซิเจนไว้แล้วปล่อยสู่สายเลือด ในขณะเดียวกันก็จะถ่ายเทก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ละลายลงในน้ำ น้ำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ปนอยู่จะถูกส่งออกทางช่องแก้ม แรงส่งออกนี้จะช่วยเสริมให้ปลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ด้วย ปลากินอาหารแตกต่างกันไปแล้วแต่ละชนิดของปลา อาหารที่ปลากินโดยทั่วไป ได้แก่พืชน้ำ ปลาบางชนิดกินแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆอาจเป็นพืชหรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำนอกจากนี้ปลายังกินแมลง หอย ปู กุ้ง หรือ ปลาที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหาร ปลาเกือบทุกชนิดสืบพันธุ์โดยการออกไข่ แม่ปลาวางไข่ครั้งหนึ่งเป็นจำนวนมาก ปลาในทะเลหลวงบางชนิดวางไข่ครั้งละกว่า 30 ล้านฟอง เมื่อวางไข่แล้วแม่ปลาพ่อปลามักจากไปเลยปล่อยให้ไข่ฟักตัวตามลำพัง ดังนั้นไข่และลูกปลาจำนวนมากจึงกระจัดกระจายและมักถูกสัตว์อื่นกินเป็นอาหารเหลือรอดเป็นตัวและเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปลาเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ เนื้อปลาเป็นอาหารที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกาย ปีหนึ่ง ๆ จึงมีปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็มถูกจับขึ้นมา เพื่อใช้ทำอาหารเป็นจำนวนมากเฉพาะปลาทะเลที่ถูกจับขึ้นมาทั่วโลกมีจำนวนมากกว่าปีละ 60 ล้านตัน
การหาอาหารและการเจริญเติบโตของปลา
สัตว์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสัตว์บกสัตว์น้ำ จำเป็นต้องได้รับพลังงานเข้าไว้ในร่างกายเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต เช่น การเคลื่อนไหว การซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ การเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ พลังงานที่ได้รับเหล่านี้มาจากอาหารที่สัตว์กินเข้าไป และการหายใจ สำหรับปลาโดยทั่วไป เมื่อลูกปลาฟักออกจากไข่ใหม่ๆ อาหารที่ลูกปลาได้รับจะมาจากถุงไข่แดงซึ่งอยู่ติดกับตัวลูกปลานั้นเอง
ซึ่งจะเป็นส่วนเดิมที่ได้รับจากแม่เพื่อช่วยให้ลูกปลาอยู่รอดไปได้ระยะหนึ่ง แต่อาหารที่มีในไข่แดงก็จะถูกใช้จนหมดในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น ลูกปลาจึงจำต้องเริ่มหาอาหารจากภายนอก และในระยะนี้เองที่ลูกปลาทั่วไปจะตายเป็นจำนวนมาก เหลือรอดเพียงเล็กน้อย หากไม่ได้อาหารตามที่เหมาะแก่ความต้องการหรือขนาดของอาหารใหญ่เกินไป ลูกปลาก็ไม่สามารถกลืนกินได้
ปลาในแต่ละชนิดมีความต้องการในเรื่องชนิดของอาหารไม่เหมือนกัน ปลาบางชนิดกินพืชน้ำเป็นอาหารตลอดชีวิต เช่น ปลาทับทิม ปลาจีน ส่วนปลาทูกินสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ซึ่งเราเรียกว่า แพลงก์ตอน (plankton) เป็นอาหาร ปลาบางพวกหากินตามพื้นท้องน้ำ เช่น กินหอย ปู กุ้ง เป็นอาหาร ปลาขนาดใหญ่หลายชนิดตามล่าเหยื่อเป็นอาหาร เช่น ปลาช่อน ปลาดาบเงิน ปลาอินทรี เป็นต้น นอกจากอาหารที่ปลาจะหาได้แล้ว ยังมีแร่ธาตุอื่นๆซึ่งปลาต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโต แร่ธาตุต่างๆ เหล่านี้เป็นจำพวกเกลือหลายชนิดที่ละลายอยู่ในน้ำ ปลาสามารถรับแร่ธาตุเหล่านี้ได้โดยการซึมเข้าทางเหงือก เยื่อหุ้มโพรงปากและทางผิวหนัง แร่ธาตุบางอย่างหากมีมากก็อาจเป็นพิษแก่ปลา เช่น สารจำพวกสังกะสี ทองแดง ปรอท โคบอลต์ ฯลฯ อาหารที่ปลาหาได้ในธรรมชาติ นอกจากจะเป็นพวกพืชน้ำ หรือแพลงก์ตอนแล้วยังมีสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น หนอน หอย ปู กุ้ง และแมลงชนิดต่างๆ นอกจากนี้เรายังอาจพบสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ เช่น นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสัตว์เลื่อยคลาน และสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก ในกระเพาะของปลาบางจำพวก ซึ่งแสดงว่าปลากินมันเข้าไป จะเห็นได้ว่านักตกปลาช่อนชอบใช้เขียดเป็นเหยื่อล่อปลาช่อน เป็นต้น อาหารของปลาที่เป็นสิ่งมีชีวิตอาศัยในแหล่งน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำจืดหรือน้ำทะเล จะมีปริมาณไม่คงที่ทุกปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชีวประวัติ และสภาพแวดล้อมของปลาเป็นส่วนใหญ่ นี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเพิ่มลดโดยธรรมชาติในขนาดของประชากร