โรคที่พบในการเลี้ยงปลาสวายและการป้องกันโรค
ปลาเป็นสัตว์น้ำที่มีโรคและพยาธิเบียดเบียนเช่นเดียวกับมนุษย์ โรคและพยาธิของปลาส่วนมาก ถ้าเกิดขึ้นแล้วจะรักษาให้หายยาก ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุด คือการป้องกัน เช่น ล้างบ่อปลาฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งก่อนการเลี้ยง การถ่ายเทน้ำอย่างสม่ำเสมอ การเลี้ยงปลาสวายก็เช่นเดียวกัน โดยปกติโรคที่สามารถพบได้ในการเลี้ยงปลาสวาย ได้แก่
1. โรคที่เกิดจากพยาธิ “อิ๊ค” (Ichthyopthirius sp.)
เกิดได้กับปลาทั้งขนาดเล็กและขาดใหญ่ จัดว่าเป็นโรคที่ทำความเสียหายให้แก่ผู้เลี้ยงปลามากที่สุด เนื่องจากตัวเต็มวัยของพยาธิอยู่ใต้ผิวหนังของปลา และดูดเลือดกันเป็นอาหาร ปลาที่เป็นโรคชนิดนี้จะปรากฏจุดสีขาวกระจายไปทั่วลำตัว มีเมือกหลุดออกมา และมีอาการเฉื่อยชา โรคนี้มักเกิดจากการเลี้ยงปลาหนาแน่นมากเกินไป อาหารมีคุณภาพและปริมาณไม่เพียงพอ อุณหภูมิขอน้ำในบ่อต่ำ ถ้าพบว่าปลาตัวใดเป็นโรคนี้ให้รีบใช้ยากำจัดทันที ก็สามารถป้องกันการระบาดของโรคได้ เพราะอิ๊คเข้าทำลายตัวปลาไม่พร้อมกัน
การป้องกันรักษา
– แช่ปลาในน้ำยาฟอร์มาลิน (Formalin) เข้มข้น 25 ส่วนในล้านส่วน โดยแช่วันเว้นวัน
– แช่ปลาที่เป็นโรคใช้น้ำยาเมธีลีนบลู (Methylene blue) เข้มข้น 200 ส่วนในล้านส่วน ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วย้ายมาขังไว้ในบ่อที่มีน้ำสะอาด ประมาณ 2-3 วัน จุดขาวๆ
จะค่อยๆ หายไปเอง
– แช่ปลาในสารละลายไนโตรฟูราเซน ความเข้มข้น 1 กรัมต่อน้ำ40 ลิตรนานประมาณ2-3 วัน
– แช่ปลาในสารละลายออรีโอมัยซิน ความเข้มข้น 15 มิลลิกรัมต่อน้ำ1 ลิตรนานประมาณ 4 วัน
2. โรคที่เกิดจากพยาธิ “หริโคดินา” (Trichodina sp.)
ส่วนมากเป็นกับปลาขนาดเล็ก พยาธิชนิดนี้จะเกาะอยู่ตามบริเวณลำตัว ครีบ ซี่เหลือกอาการที่ปรากฏคือ มีลักษณะเป็นแผ่นเยื่อบาง ๆ ปกคลุมบริเวณดังกล่าวทำให้ปลามีอาการเฉื่อยชา ไม่ค่อยกินอาหารและจะตายในที่สุด
การป้องกันรักษา
– แช่ปลาในน้ำเกลือเข้มข้น 3% เมื่อปลามีอาการกระวนกระวายแล้วจึงเปลี่ยนน้ำใหม่
– แช่ปลาในน้ำยาฟอร์มาลินเข้มข้น 25 ส่วนในล้านส่วน
– แช่ปลาในสารละลายไนโตรฟูราเซน ความเข้มข้น 1 กรัมต่อน้ำ40 ลิตรนานประมาณ2-3 วัน
– แช่ปลาในสารละลายด่างทับทิม 3 ส่วนในล้านส่วน
3. โรคท้องบวม
เกิดกับปลาสวายทุกขนาด อาการที่ปรากฏคือ ส่วนท้องของปลาจะบวมออกมาเห็นได้ชัดเจน ทำให้ปลามีการเคลื่อนไหวช้าลงและตายในที่สุดเช่นกัน
4. โรคที่เกิดจากพยาธิ “แดคทีโลไยรัส” (Dactylogyrus sp.)
หรือพวกพยาธิตัวแบน เกิดกับปลาทุกขนาด ปลาที่เป็นโรคนี้จะมีอาการหายใจไม่สะดวก เพราะพยาธิจะเข้าเกาะและทำลายซี่เหงือกปลา
การป้องกันรักษา
– การใช้น้ำยาฟอร์มาลิน 50 ส่วนในล้านส่วน หรือสารละลายดิพเทอร์เร็กช์ 0.25 ส่วนในล้านส่วนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน และการใช้ตัวยาเข้มข้นในระดับนี้ หากปลาที่ใส่ลงไปแช่ในน้ำมีอาการทุรนทุราย ควรรีบจับปลาไปปล่อยไว้ในน้ำธรรมชาติต่อไป มิฉะนั้นปลาอาจตายได้ โดยทั่วไปจะแช่ไม่เกิน 10-15 นาที ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำและอุณหภูมิของน้ำที่ใส่แช่ หากอุณหภูมิสูง น้ำมีปริมาณน้อย ก็ต้องใช้ระยะเวลาน้อยกว่านี้
5. โรคหูดข้าวสาร
ปลาที่เป็นโรคนี้จะมีตุ่มสีขาวอยู่ตามลำตัว ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสาร มักพบในกรณีที่มีการปล่อยปลาเลี้ยงอย่างหนาแน่น และการถ่ายเทน้ำไม่สะดวก ปลาจะมีอาการผอมไม่กินอาหาร และทยอยตายสาเหตุของโรคนี้เกิดจากเชื้อสปอร์โรชัวขนาดเล็ก ชนิดของปลาที่มีรายงานว่าเป็นโรคนี้ ได้แก่ ปลาสวาย ปลาดุก
การป้องกันรักษา
– อย่าปล่อยปลาหนาแน่นเกินไป และควรทำการถ่ายเทน้ำในล่อปลาอย่างสม่ำเสมอ
– ถ้าพบว่าปลาเป็นโรคแล้วไม่มีทางรักษา ควรเผาหรือฝังเสีย เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
– ถ้านำปลาที่เป็นโรคในขั้นไม่รุนแรงมากมาเลี้ยงในที่ที่มีน้ำถ่ายเทสะดวก และในอัตราที่ไม่หนาแน่นมาก ปลาบางส่วนอาจจะหายจากโรคได้เอง