การจัดฟันคืออะไร ?

A : การจัดเชือด คือการทำให้ฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง เป็นต้น ให้กลับมาจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งนอกจากจะมีผลทำให้ฟันเรียงตัวดูสวยงามแล้ว การทำเหตุสะอาดช่องปาก ก็จะทำได้ง่ายขึ้น และรูปหน้าก็ยังดูสวยงามขึ้นอีกด้วย

Q : การจัดฟัน มีกี่วิธี ? ไหนบ้าง ?

A :

การจัดฟัน โดยทั่วไป ก็มีทั้ง ชนิดก่อแน่น และชนิดเปลือยได้ หากแบ่งออกตามการติดเครื่องมือ ก็สามารถแบ่งได้เป็น

1. ชนิดติดแน่น ด้านหน้า ซึ่งสอดออกเป็นชนิดต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.1 ชนิดที่เป็นโลหะ เครื่องมือที่ติดแคบบนตัวฟันทำด้วยโลหะ มองเห็นได้ชัดเจน

1.2 ชนิดที่มีชีวิตเซรามิค หรือ เรซิน ซึ่งสีของเครื่องเครามือจะใกล้เคียงกับสีของฟัน ให้ความสวยงาม

1.3 ระบบ Damon ซึ่งเป็นระบบที่มีฝาเปิด-ปิดเพื่อให้ลวดอยู่ภายในหุบของเครื่องมือ โดยที่ไม่ต้องใช้ยางรัดลวดเข้ากับเครื่องมือ (self-ligating) โดยหากเป็น Damon-2 จะเป็นโลหะล้วนแล้ว มีกลไกการเปิด-ปิดฝาต่างจาก Damon-3 ซึ่งจะมีครึ่งล่างเป็นโลหะ และครึ่งบนเป็นเซรามิก และ Damon MX จะเป็นโลหะล้วน แต่ใช้กลไกการเปิดปิดฝาเหมือน Damon-3

2. ชนิดติดแน่น ด้านใน ช่วยในเรื่องของความงามเลิศงาม เพราะไม่เห็นเครื่องมือเมื่อยิ้ม

3. ชนิดใส เช่น อินวิซไลน์ ( Invisalign ®) หรือ เอสซิก (Essix ®) เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องเข้าใกล้เครื่องมือจัดฟัน เครื่องมือที่ใช้จะเป็นพลาสติกแข็ง ใส ใช้ใส่ครอบทับบนฟันเอาไว้ ให้ความสวยงามเหมือนธรรมชาติมาก และง่ายต่อการดูแลฟันธรรมชาติในช่องปาก เพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ในเวลารับประทานอาหารและเมื่อทำความสะอาดฟัน

บางครั้ง สภาพปัญหาไม่ได้เกิดจากเรื่องของฟันแต่เพียงอย่างอย่างเดียว แต่เกิดจากโครงสร้างกระดูกขากรรไกรด้วย การจัดฟันแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คงต้องมีการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกร่วมด้วย

อนึ่ง การจัดฟันแต่ละรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้น มีข้อบ่งชี้ และข้อห้าม ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับสภาพปัญหาของแต่ละคน ควรปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมต่อไป

Q : อะไรทำให้ฟันเรียงตัวไม่ดี ?

A :

โดยธรรมชาติแล้ว ฟันคนเราจะงอกขึ้นมาในช่องปากด้วยแรงที่มีอยู่ตามธรรมชาติของหน่อฟัน หากมีสิ่งกีดขวางการงอก ฟันก็จะงอกในตำแหน่งที่ธรรมชาติกำหนดไว้ไม่ได้ แต่จะพยายามหาทางเบี่ยงตัวเองออกไปด้านข้างเคียง เพื่อที่จะงอกขึ้นมาในช่องปากให้ได้

โดยทั่วไปแล้ว ฟันแท้ส่วนมากมักจะงอกขึ้นมาแทนที่ฟันน้ำนม ซึ่งรากของฟันน้ำนมจะละลายไป เนื่องจากถูกแรงดันขณะที่ฟันแท้งอกขึ้นมา ทำให้ฟันน้ำนมโยก และพลุ่ยออกมาได้เองในที่สุด หากฟันน้ำนมไม่หลุด ฟันแท้ก็จะงอกซ้อนฟันน้ำนม อาจเป็นเหตุให้เกิดฟันซ้อนเกได้ในอนาคต

ในคนที่สูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนเวลาอันควร เช่น ฟันผุมากจนต้องถอนออก ฟันแท้ข้างใต้จะไม่มีแนวทางให้ฟันขึ้น ก็อาจนำไปสู่การบิดเก หรืองอกไม่ตรงแนวได้ ส่วนฟันที่อยู่ข้างเคียงก็อาจงอกเอียงเข้าไปมา ทำให้เนื้อที่สำหรับฟันแท้แคบลง ที่ไม่พอให้ฟันขึ้น ก็ทำให้ฟันแท้งอกบิด ซ้อนเก วิธีป้องกัน ก็คือ ควรใส่เครื่องมือกันที่

(Space Maintainer) เพื่อป้องกันฟันล้ม รอจนกระทั่งใกล้เวลาฟันแท้งอก ค่อยถอดเครื่องมือออก

ในบางคน ขนาดของขากรรไกรเล็กกว่าขนาดของฟันทั้งหมดที่จะงอกขึ้นมา ทำให้เนื้อที่ไม่เพียงพอ ฟันที่งอกขึ้นมาทีหลังจึงไม่มีที่จะอยู่ ทำให้เกิดการซ้อนเกได้ หรือในทางกลับกัน หากขนาดของฟันเล็กกว่าขนาดของขากรรไกร ฟันก็จะงอกห่างๆ กัน ผู้ที่ถูกถอนฟันไป แล้วไม่ได้ใส่ฟันปลอมทดแทน เมื่อฤกษ์ผ่านไปฟันที่เหลืออยู่

ก็จะเคลื่อนตัวไปตามช่องว่างที่มี กล้าหาญทำให้ฟันห่างได้ด้วยเช่นกัน

เนื้อเยื่อในช่องปากเอง บางครั้ง ก็เป็นตัวขัดขวางการงอกขึ้นมาชิดกันของตัดทอน เช่น เอ็นที่ยึดริมฝีปาก หรือเอ็นที่ยึดลิ้น ตำแหน่งที่ยึดเกาะนั้น อาจปิดกั้นการงอกมาชิดกันของฟัน ฟันก็จะห่างได้ การแก้ไขกรณีเช่นนี้ อาจต้องตกแต่งตำแหน่งการเกาะยึดของเอ็น ด้วยการผ่าตัด หรือใช้ Laser เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งการยึดเกาะ

นิสัยที่ผิดปกติบางอย่าง ก็อาจทำให้การเรียงตัวของฟันผิดปกติได้ เช่น การหายใจทางปาก , การดูดนิ้ว, การกลืนที่ผิดปกติ โดยเอาลิ้นมาดันฟันในขณะกลืน การดูดนิ้ว อาจทำให้ฟันหน้าบนยื่นเหยิน ฟันฤดูล่างหลุบเข้าด้านใน เพดานแคบกว่าปกติ ส่วน การกลืนที่ผิดปกติ อาจทำให้ฟันบนและล่างไม่สบกัน ก็เพราะว่าลิ้นมากีดขวางอยู่ และมีแรงจากลิ้นมาดันให้ฟันเคลื่อนตัวออกมาด้านหน้า ฟันจึงยื่น และห่างออกได้